
หุ้นไทยแกว่งขึ้นจำกัด นักลงทุนรอผลประชุมธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก
admin
- 0
บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิปประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวบวกในกรอบจำกัดระหว่าง 1,615-1,625 จุด รับแรงหนุนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ หารือผ่อนคลายมาตรการจัดงานช่วงปีใหม่-ปรับมาตรการเข้าออกประเทศ แต่นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนเพื่อรอผลการประชุมธนาคารกลางหลักหลาย ๆ แห่งทั่วโลก
วันที่ 13 ธันวาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index เช้านี้แกว่งตัวบวกในกรอบจำกัดระหว่าง 1,615-1,625 จุด โดยมีประเด็นบวกจากภายในประเทศเรื่องการผ่อนคลายมาตรการ ช่วยหนุน แต่ประเด็นน่าติดตามจากภายนอกอย่างการประชุมของธนาคารกลางหลักหลาย ๆ แห่งในรอบสัปดาห์นี้ จะทำให้นักลงทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้มีความระมัดระวัง จึงยังแกว่งขึ้นได้ในกรอบจำกัด
โดยตลอดทั้งสัปดาห์นี้มีกำหนดการประชุมธนาคารกลางต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14-15 ธ.ค. 2564 ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) และวันที่ 15 ธ.ค. 2564 ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ธนาคารยุโรป (ECB) และวันที่ 16-17 ธ.ค. 2564 และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ทั้งนี้น่าจับตาการประชุม FOMC มากที่สุด หลังหลายฝ่ายคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะดำเนินนโยบายทางการเงินที่ Hawkish มากขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศติดตามการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ คาดหารือประเด็นการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม สำหรับการจัดงานช่วงปีใหม่ และแผนการปรับมาตรการเข้า-ออกประเทศ หลังมีประเด็นสายพันธุ์โอไมครอนเข้ามา
โดยกลยุทธ์การลงทุนท่ามกลางการซื้อขายที่คาดเป็นไปอย่างระมัดระวังจากการจับตาผลการประชุม Fed ทางฝ่ายวิจัยจึงแนะนำให้กลับมาลงทุนหุ้นที่อิงกับปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ 1.หุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่เน้นการบริโภคและท่องเที่ยวหลังคลายความกังวลสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน พร้อมลุ้นการผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
แนะนำ BEM และ 2.หุ้นกลุ่มที่คาดฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ หรือได้อานิสงส์บวกจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ SCB
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ คาดเอื้อ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 2564 ที่ระดับ 184,000 ราย พบว่าต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี และอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. 2564 ที่พบว่าขยายตัว 6.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้น สูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี หรือขยายตัว 0.8% เทียบเดือนก่อนหน้า (สูงกว่าที่คาดขยายตัว 0.6%) สอดคล้องกับอัตราเงินูเฟ้อพื้นฐานเดือน พ.ย. 2564 ที่เพิ่มขึ้น 4.9% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน
และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2534 ถือเป็นภาพสะท้อนการฟื้นตัวเศษฐกิจสหรัฐที่ชัดเจน ทำให้ทางฝ่ายวิจัยมองว่าจะเอื้อให้ Fed ดำเนินทิศทางนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้น
ด้านแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน และจบลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ได้ข้อสรุปดังนี้ 1.การเรียกร้องให้รัสเซียลดความรุนแรงลง หลังหน่วยข่าวกรองสหรัฐประเมินว่ารัสเซียอาจกำลังวางแผนรุกโจมตียูเครน โดยใช้กำลังทหาร 175,000 นาย
ขณะที่รัสเซียปฏิเสธคำกล่าวหานี้ โดยโต้แย้งกลับว่าเป็นการป้องกันของรัสเซียหลังยูเครนขยับเข้าใกล้ชิดกับองค์การนาโต้มากขึ้น และ 2.การเจรจาครั้งใหม่กับอิหร่านที่กรุงเวียนนาของออสเตรียในวันพฤหัสบดีเพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก โดยกล่าวว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่อิหร่านจะได้เข้าร่วมด้วยการยอมรับจากชาติตะวันตก